ซัมซุงสนับสนุนภาคธุรกิจไทย “สร้างโอกาสบนความเปลี่ยนแปลง” รุกปั้นตลาด Rugged Device รับเทรนด์ปี 2021  

  • ซัมซุงปลดล็อกสมการธุรกิจ เพิ่มโอกาสให้องค์กรในการแสวงหากำไรจาก Business Innovation ใหม่ๆ บนความเปลี่ยนแปลงในยุค Next Normal ตอกย้ำจุดแข็งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่มาพร้อมโซลูชั่นจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก และแพลตฟอร์มความปลอดภัยที่ดีที่สุด
  • ชี้ Digital Disruption ผลักดันธุรกิจลูกค้าองค์กรของซัมซุงให้เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 42% และยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry) ที่โตขึ้นถึง 5 เท่า และสมาร์ทโฟนระดับบน (High) โตขึ้น 2 เท่า
  • เผยกลยุทธ์ปี 2021 คือการสร้างการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) ด้วยการขยายตลาด Rugged Device ในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การทำงานเฉพาะทางในหลากหลายวงการ อาทิ ธุรกิจค้าปลีก (Retail), ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ (Fleet Management), ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Health Care) และธุรกิจการศึกษา (Education)

 

ซัมซุง ประกาศกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรปี 2021 พร้อมผลักดันภาคธุรกิจไทยรุดหน้าสู่อนาคตอย่างยั่งยืนในยุค Digital Disruption เตรียมรับมือกับความท้าทายที่คาดไม่ถึงและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วย Business Innovation

ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “สถานการณ์ในปีที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นปัจจัยเร่งให้องค์กรทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัวอย่างปัจจุบันทันด่วนเพื่อลดความสูญเสีย ยังเป็นโอกาสสำหรับองค์กรในการพัฒนารูปแบบทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของแลนด์สเคปธุรกิจโลก ทั้งนี้ องค์กรต้องมีตัวช่วยในการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางในงานของตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะ Mobility ที่ในปัจจุบันถูกพัฒนาด้วย AI, Machine Learning และ Cloud-based Technology ซึ่งส่งเสริมให้เกิดรูปแบบการทำงานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวโน้มที่สำคัญสำหรับองค์กรในปี 2021 คือ ‘Generic is not enough’องค์กรกำลังมองหาเทคโนโลยีที่มีความเฉพาะเจาะจงกับรูปแบบงานของตนมากขึ้น เพราะฉะนั้น ซัมซุงจึงวางแผนปลุกปั้นตลาด Rugged Device หรืออุปกรณ์ที่มีความทนทาน ซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ ของกลุ่มลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ของเรา คือ ‘Built for the new way business is done’ โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายของอุปกรณ์ในกลุ่มนี้เป็นเท่าตัวในปีหน้า”

สำหรับกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรในปีนี้ ซัมซุงยังครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง[1]โดยมีอัตราการเติบโตครึ่งปีแรกสูงถึง 67% และสามารถจบปีที่ 42% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry) ที่โตขึ้นถึง 5 เท่า และสมาร์ทโฟนระดับบน (High) โตขึ้น 2 เท่า[2]

ดร.มารุต ชี้ว่า จุดแข็งของซัมซุง 3 ประการ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กร ได้แก่ 1. ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมาร์ทดีไวซ์ 2. แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยในระดับสูงสุดระดับเดียวกับที่ใช้ในทางการทหาร คือ Samsung Knox (ซัมซุง น๊อกซ์) 3. ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น Google, Microsoft, VM Ware เป็นต้น เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดสำหรับองค์กร

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างข้อจำกัดในการทำงานทำให้หลายวงการต้องปรับตัวอย่างมาก ทั้งการทำงานแบบ Remote Working หรือการทำธุรกรรมดิจิทัลเพื่อลดการติดต่อสัมผัส ระบบคลังสินค้าและการกระจายสินค้าแบบใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูง ไปจนถึงการแพทย์ทางไกลหรือ Telehealth

ซัมซุงมองว่าจุดขายของ Rugged Device ทั้งในด้านความทนทาน การออกแบบ UI และ UX เพื่อการใช้งานในระดับปฏิบัติการโดยเฉพาะ รวมไปถึงอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์จากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขององค์กรที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ Next Normal ทางธุรกิจ ในปัจจุบัน สินค้ากลุ่มนี้ของซัมซุงประกอบด้วย สมาร์ทโฟน 2 รุ่น คือ Galaxy XCover4 และ Galaxy XCover Pro แท็บเล็ตมี 2 รุ่น คือ  Galaxy Tab Active3 และ Galaxy Tab Active Pro ซึ่งมีคุณสมบัติพื้นฐานที่โดดเด่นในด้านความทนทานต่อการกระแทก การตกจากที่สูง การกันน้ำและกันฝุ่นในระดับสูง จึงสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ และยังสามารถใช้งานได้แม้หน้าจอเปียก หรือในขณะสวมถุงมือ

จากรายงานของ Tech Research Asia[3]พบว่ากว่า 44% ขององค์กรในไทยมีการใช้งาน Rugged Device อยู่แล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการอุปกรณ์ในกลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นในปี 2021 ด้วยการทำตลาดอย่างจริงจัง โดยซัมซุงจะเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจัดโรดโชวร์ร่วมกับพาร์ทเนอร์โดยเน้นการสาธิตคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงแผนการเปิด B2B Store ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

ดร.มารุต กล่าวเสริมว่า กลุ่มธุรกิจที่มีความเป็นไปได้สูงในการใช้งานผลิตภัณฑ์ Rugged Device คือ ธุรกิจค้าปลีก (Retail) โดยเฉพาะในส่วนงานบริหารจัดการคลังสินค้า,ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ (Fleet Management), ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Health Care) เช่น Wellness Center และ Telehealth และธุรกิจการศึกษา (Education) โดยเฉพาะในระดับ B2B2C

ตัวอย่างเคสในประเทศไทยที่ใช้งาน Rugged Device เป็นหนึ่งในโซลูชั่นทางธุรกิจ เช่น ASIA CABผู้ให้บริการแท็กซี่ระดับ VIP มาตรฐานเดียวกับลอนดอนที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย โครงการพัฒนาหุ่นยนต์และอุปกรณ์สนับสนุนการแพทย์ CU-RoboCOVIDซึ่งดำเนินงานโดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แบ่งเบาภาระงาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

[1] ข้อมูลสำรวจการขาย (จำนวนเครื่อง) จากผู้ให้บริการเครือข่าย

[2] Entry Segment ราคาไม่เกิน 5,000 บาท High Segment ราคา 15,000-20,000 บาท

[3] Tech Research Asia Report “Ruggedized Smartphones & Tablets in Asia Pacific” April 2020

:

ธุรกิจองค์กรบุคลากรและองค์กรเทคโนโลยีRugged DeviceSamsungSamsung B2B
โปรแกรมค้นหาเวอร์ชันล่าสุด